การดูแลรักษาปั๊มลมสำคัญไฉน?

     หนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับโรงงานต่างๆอย่าง “ปั๊มลม” (Air Compressor) มีความจำเป็นที่เราต้องหมั่นดูแลรักษาและซ่อมบำรุงอยู่เสมอ เพราะถ้าหากปั๊มลมหยุดการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการชำรุด การรั่ว การปนเปื้อน หรือการระเบิด อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและมาตรฐานของโรงงานเป็นอย่างมาก รวมทั้งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้ปฏิบัติงานได้ วันนี้ T.N.C.MACHINETOOLS จะมาแนะนำว่าการดูแลรักษาปั๊มลมนั้นเป็นอย่างไร

สาเหตุที่เราควรหมั่นซ่อมบำรุงปั๊มลมเป็นประจำ?1. เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องหยุดทำงาน

            หากเราไม่ได้ทำการตรวจสภาพหรือบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้ผู้ใช้งานไม่ทราบถึงปัญหาที่จะสามารถเกิดขึ้นภายในตัวเครื่องได้ เช่น น้ำมันหล่อลื่นไม่เพียงพอ ชิ้นส่วนภายในที่สึกหรอ ปัญหาไส้กรองอุดตัน ฯลฯ ที่จะทำให้เครื่องปั๊มลมทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ชำรุดง่าย หรือหากไม่รีบดำเนินการแก้ไข ก็อาจจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น

2. หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

            หากมีการซ่อมปั๊มลมเกิดขึ้น เราอาจจะต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญหรือส่งให้โรงงานเพื่อทำการซ่อมแซม ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในจุดค่าบริการ ค่าอะไหล่ ค่าแรงช่างซ่อมและยังเสียเวลาในกระบวนการผลิตอีกด้วย ในบางครั้งจุดที่ต้องเสียค่าบริการซ่อมอาจะเป็นจุดที่เราหลีกเลี่ยงได้หากทำการบำรุงเป็นประจำ

3. เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน

            โรงงานต่างๆมักมีการดำเนินการ “การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)” เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว การชำรุดของปั๊มลมอาจส่งต่อระบบอัดอากาศภายในโรงงาน และความปลอดภัยของผู้ใช้งบานและทรัพย์สินอีกด้วย แม้แต่ปัญหาเล็กๆ เช่น ตัวเครื่องปั๊มลมมีความร้อนสูง ก็ควรที่จะได้รับการใส่ใจ ตรวจสอบหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาให้ทันการ

4. เพิ่มอายุการใช้งาน

            การดูแลและบำรุงรักษาปั๊มลมอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น เพราะการลงทุนปั๊มลมนั้นมีมูลค่าสูง เพราะฉะนั้นเราควรใช้งานปั๊มลมให้ได้ประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสุด

มาดู 6 วิธีการดูแลรักษาปั๊มลมที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ

1. เปลี่ยนไส้กรองอากาศ และเครื่องแยกน้ำมันอยู่เสมอ

            เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นจากการดูดลมเข้าไปอัดในการใช้งาน รวมทั้งควรตรวจสอบเครื่องแยกน้ำมัน เพื่อทำความสะอาด และเปลี่ยนใหม่ตามคำแนะนำที่คู่มือการใช้งานระบุไว้

2. ตรวจเช็กสภาพของสายพาน

                สายพานควรมีความหย่อนประมาณ 1/2 นิ้ว หรือครึ่งนิ้ว โดยทำการกดสายพานตรงกลางระหว่างลูกรอกสายพานทั้งสองข้าง เพราะหากสายพานตึงเกินไป อาจเกิดปัญหากับตลับลูกปืนมอเตอร์ หรืออาจจะทำให้ปั๊มลมต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งส่งผลให้มอเตอร์ร้อนหรือไหม้ และสายพานขาดได้ ในทางตรงกันข้ามหากสายพานหย่อนหรือหลวมเกินไป อาจทำให้สายพานอาจหลุดหรือเกิดอันตรายขณะใช้งาน

3. ทำความสะอาดสายลม ท่อดูดอากาศเข้า ท่อส่งจ่ายลมอัด พร้อมทั้งวาล์วที่เกี่ยวข้อง

            เราควรตรวจสอบระบบท่ออัดอากาศว่ามีสิ่งปนเปื้อน สิ่งอุดตัน สนิม และคราบสกปรกหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแรงดันตก และรักษามาตรฐานคุณณภาพ ความสะอาดของกระบวนการผลิต เหตุเพราะระบบท่ออัดอากาศมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับปั๊มลม และการรับจ่ายอากาศไปยังที่ที่ต้องการ

4. ตรวจสอบการควบแน่น

            การที่อากาศควบแน่นจนกลายเป็นหยดน้ำ หากไม่ได้รับการจัดการที่ดีย่อมจะเกิดผลเสียหายต่อมอเตอร์ วาล์ว ชิ้นส่วนต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องอัดอากาศ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการปนเปื้อนในกระบวนการผลิตได้ เพราะฉะนั้นเราควรระบายน้ำออกจากถังเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือผู้ใช้

5. ใช้น้ำมันให้ถูกต้อง และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันอยู่เสมอ

            การใส่หรือเติมน้ำมันผิดประเภท จะทำให้ปั๊มลมของคุณเกิดปัญหา และนอกเหนือไปจากการรักษาระดับปริมาณน้ำมันตามที่คู่มือระบุแล้ว การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเป็นประจำถือเป็นปัจจัยที่ช่วยให้อายุการใช้งานของปั๊มลมยาวนานขึ้น

6. ขันนอตให้แน่น

            การสั่นสะเทือนที่เกิดจากการทำงานของมอเตอร์ จะทำให้นอตตามจุดต่าง ๆ หลวมไปกว่าเดิม ผู้ใช้ควรหมั่นตรวจเช็กและขันนอตให้แน่นอยู่เสมอ การละเลยจุดเล็ก ๆ เช่นนี้ไป ย่อมจะทำให้การใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ และอาจเกิดปัญหาต่างๆตามมาได้