มาทำความรู้จัก...เกจวัดแรงดันลมกัน

     การวัดความดันเป็นสิ่งสำคัญมี่ควรปฏิบัติในหลายอุตสาหกรรม เช่น วิศวกรรมการผลิต หรือยานยนต์ ส่วนหนึ่งในเครื่องมือวัดความดันที่นิยมใช้บ่อยที่สุดคือ เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) วันนี้ T.N.C.MACHINETOOLS จะพาไปรู้จักการใช้เกจวัดแรงดันลมกัน

เกจวัดแรงดันคืออะไร ?

เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดความดันลมในระบบท่อต่อบรรยากาศภายนอก มักนำไปใช้หลากหลายในครัวเรือนเช่น การวัดความดันลมยางรถยนต์หรือลูกสูบรถมอเตอร์ไซค์ และในอุตสาหกรรม เช่น การวัดความดันระบบท่อที่ใช้ในการผลิต เพื่อควบคุมการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน

หน่วยวัดความดัน (Unit of Pressure) - ปัจจุบันหน่วยวัดความดันที่สามารถพบได้ในประเทศไทยมีดังนี้

1. Normal Pressure: Bar, Kg/cm², Psi, MPa, kPa

2. Vacuum Pressure: mmHg, inchHg

3. Compound Pressure: Bar, mmHg, psi, Kg/cm2

ประเภทของเกจวัดแรงดัน

     1. เกจวัดแรงดันแบบบูร์ดอง (Bourdon Pressure Gauge) – อาศัยการทำงานของท่อบูร์ดองในด้านหลักการยืดและหกของบูร์ดอง เพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงแรงดันในระบบ โดยจะมีตัวชี้ติดตั้งอยู่กับบูร์ดองเพื่อแสดงค่าบนหน้าปัด

     2. เกจวัดแรงดันแบบไดอะแฟรม (Diaphragm Pressure Gauge) – ผสมผสานหลักการของบูร์ดองกับแผ่นไดอะแฟรม โดยนำแผ่นไดอะแฟรมมากั้นระหว่างของเหลวที่ไหลในระบบไม่ให้สัมผัสกับเกจวัดแรงดันโดยตรง แต่มีข้อควรระวังคือการใช้งานเกจวัดแรงดันประเภทนี้จำเป็นต้องทำการสูญญากาศ เพื่อนำอากาศออกจากเครื่องมือวัด มิเช่นนั้นจะทำให้เครื่องมือทำการอ่านค่าผิดพลาด

     3. เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล (Digital Pressure Gauge) - ใช้การทำงานของเซนเซอร์ในการรับค่าแรงดันและแปลงค่าความดันเป็นตัวเลข จุดเด่นของเกจวัดแรงดันลมแบบดิจิตอลคือมีความแม่นยำสูงและง่ายในการอ่านค่ากว่าประเภทอื่น แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าด้วย

วิธีการวัดความดันด้วยเกจวัดแรงดัน มีขั้นตอนดังนี้

1.เลือกประเภทของเกจวัดที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งาน

2.ติดตั้งเกจวัดแรงดันเข้ากับแหล่งเครื่องมือที่ต้องการวัดแรงดัน

3.เปิดการทำงานของแหล่งกำเนิดแรงดัน เพื่อทำการป้อนอากาศเข้าระบบ

4.สามารถอ่านค่าความดันอากาศได้จากหน้าปัดเกจวัด

5.บันทึกการอ่านค่าความดัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในอนาคต

ข้อควรระวังเพื่อให้การวัดแรงดันมีความแม่นยำอยู่เสมอ ควรพิจารณาทั้งหมด 3 ประการ

1. ตรวจสอบเกจวัดแรงดันอย่างสม่ำเสมอโดยใช้หน่วยการวัดที่ถูกต้อง

2. การเลือกช่วงแรงดัน (Pressure Range) ที่เหมาะสมสำหรับมาตรวัด

3. การบำรุงรักษาเกจวัดแรงดันให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน