วิธีการเลือกขนาดของลวดเชื่อมให้เหมาะกับความหนาของชิ้นงาน
นอกจากชนิดของลวดเชื่อมที่เราควรรู้จักเลือกให้เหมาะสมกับชิ้นงานแล้ว ขนาดของลวดเชื่อมก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้สภาพเนื้องานเชื่อมมีความสวยงาม ได้ประสิทธิภาพและคุณภาพมากที่สุด เช่น ลวดเชื่อมแสตนเลส ใช้กับชิ้นงานแสตนเลส ลวดเชื่อมอลูมิเนียมใช้กับชิ้นงานที่เป็นอลูมิเนียม เป็นต้น หลักของการเลือกขนาดลวดเชื่อมที่สำคัญคือ หากความหนาของชิ้นมีลักษณะบางให้เลือกใช้ลวดเชื่อมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่เล็กกว่าชิ้นงาน หากชิ้นงานมีลักษณะหนา ก็ให้เลือกใช้ลวดเชื่อมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่กว่า วันนี้ TNC MACHINETOOLS จะมาแนะนำเกณฑ์ในการเลือกขนาดลวดเชื่อมตามตารางด้านล่าง
หมายเหตุ - สำหรับชิ้นงานที่มีความหนาเกิน 5.0 mm แนะนำให้ใช้วิธีการประสานแบบปากกบ และการเชื่อมแบบหลายรอบขึ้นอยู่กับขนาดกระแสไฟฟ้า (แอมป์) ของตู้เชื่อม
การใช้แก๊สในการเชื่อมแบบอาร์กอนหรือ MIG นั้น เป็นการป้องกันไม่ให้โลหะหลอมเหลว เพราะโลหะส่วนใหญ่แล้วเมื่อถูกความร้อนจนถึงสถานะหลอมเหลวจะทำปฏิกิริยากับอากาศ หากไม่ป้องกันจะทำให้เกิดรอยพรุนและรอยร้าวได้ นอกจากป้องกันรอยเชื่อมแล้ว แก๊สบางชนิดยังมีสถานะเป็นไอออไนซ์ (มีประจุไฟฟ้า) ซึ่งช่วยให้กระแสไฟไหลได้อย่างราบรื่น ดังนั้นอัตราการไหลของแก๊สจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันรอยเชื่อมจากอากาศ หากแก๊สมีอัตราการไหลเวียนที่ต่ำเกินไป จะทำให้เกิดการครอบคลุมแก๊สไม่เพียงพอ ส่งผลให้รอยเชื่อมเสียหายและตู้เชื่อมไม่เสถียร หากแก๊สมีอัตราการไหลเวียนที่สูงเกินไป จะทำให้อากาศเข้าไปยังบริเวณจุดเชื่อม ส่งผลให้รอยเชื่อมถูกปนเปื้อนได้
หลักการเชื่อมที่ดี คือการเลือกใช้แก๊สให้ถูกต้อง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เหมาะสมสำหรับการเชื่อมเหล็ก เพื่อช่วยให้ได้แนวเชื่อมที่ลึก แคบ และสูงกว่าแนวเชื่อมที่ได้จากแก๊สอาร์กอน CO2 เพราะแก๊สอาร์กอน CO2 เหมาะสำหรับการเชื่อมเหล็กที่มีความบางและต้องการความละเอียด