ประเภทของตู้เชื่อมหรือเครื่องเชื่อมที่คุณควรรู้
     ตู้เชื่อมหรือเครื่องเชื่อม เป็นเครื่องมือชนิดใช้ไฟฟ้าที่สำคัญสำหรับงานเชื่อม สามารถใช้เชื่อมระหว่าง โลหะเหล็ก อลูมิเนียมหรือแสตนเลสเข้าด้วยกัน โดยวิธีการเลือกตู้เชื่อมแต่ละประเภทนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะงานของผู้ใช้ ปัจจุบันตู้เชื่อมมี 4 ประเภทหลักดังนี้

1. ตู้เชื่อมอาร์กอน (ARC) หรือตู้เชื่อม TIG – เป็นตู้เชื่อมประเภทที่ใช้งานร่วมกับแก๊สอาร์กอน โดยมีการใช้งาน 3 แบบ ได้แก่

     1.1 ระบบเชื่อมอาร์กอน (ระบบเดี่ยว) – ใช้เชื่อมโลหะและแสตนเลส

     1.2 ระบบเชื่อมอาร์กอนและไฟฟ้า (แบบสองระบบ) หรือเรียกกันว่า การเชื่อมธูป - ใช้เชื่อมโลหะเหล็ก แสตนเลสและลวดเชื่อมแบบใช้ไฟฟ้า

     1.3 ระบบเชื่อมแบบ AC/DC (แบบสามระบบ) – สามารถเชื่อมโลหะ แสตนเลส ลวดเชื่อมแบบใช้ไฟฟ้า และอาร์กอนอลูมิเนียมด้วยระบบ AC

วิธีการทำงานของตู้เชื่อมที่มี 2 ระบบ จะมีสวิทซ์ที่สามารถเปลี่ยนระบบระหว่าง ARC กับ TIG ได้ เช่น ถ้าต้องการเชื่อมแบบอาร์กอน สายดินจะอยู่ที่ขั้วบวก (+) และสายเชื่อมจะอยู่ที่ขั้วลบ (-) หากเปลี่ยนเป็นแบบเชื่อมไฟฟ้า สายดินจะสลับเปลี่ยนมาใส่ที่ขั้วลบ (-) และสายเชื่อมจะสลับไปที่ขั้วบวก (+) ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพการเชื่อมที่ถูกต้อง ส่วนการเชื่อมด้วยระบบ AC/DC ตู้เชื่อมบางรุ่นจะมีระบบพัลส์มาด้วย ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ความร้อนไม่สะสมในชิ้นงาน ทำให้ชิ้นงานไม่โก่งงอ หรือทะลุ

• จุดเด่น •

ทำให้ได้แนวเชื่อมที่สวยงาม, ชิ้นงานมีคุณภาพ, ปล่อยควันน้อย, ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ และไม่ต้องใช้ลวดเติม ทั้งยังสามารถเชื่อมชิ้นงานที่มีลักษณะเล็กบางได้ และสามารถเชื่อมได้หลากหลายทั้งโลหะ แสตนเลส ทองเหลือง ทองแดง และอลูมิเนียม เป็นต้น

2. ตู้เชื่อมระบบอินเวอร์เตอร์หรือตู้เชื่อมไฟฟ้า (MMA/INVERTER) – เป็นตู้เชื่อมประเภทใช้ลวดเชื่อมคล้ายธูปในการเชื่อมโลหะเหล็กและแสตนเลส บางรุ่นที่มีกระแสไฟเชื่อมที่สูงตั้งแต่ 200 แอมป์ขึ้นไป สามารถเชื่อมอลูมิเนียมได้ การเชื่อมโดยระบบอินเวอร์เตอร์ควรใช้ลวดเชื่อมและกระแสไฟเชื่อมที่เหมาะสมกับลักษณะงานด้วย

• จุดเด่น •

สามารถเชื่อมงานได้อย่างรวดเร็ว เคลื่อนย้ายสะดวกและง่าย แถมราคาประหยัด

3. ตู้เชื่อมคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หรือตู้เชื่อม MIG – เป็นตู้เชื่อมที่ใช้งานร่วมกับแก๊สที่ผสมกับคาร์บอนไดออกไซด์ โดยหลักการทำงานจะป้อนเนื้อลวดโดยตรงลงไปในชิ้นงานอัตโนมัติ ซึ่งจะแตกต่างจากตู้เชื่อมอาร์กอน คือ จะใช้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และไม่ต้องใช้งานคนในการเชื่อมลวดเหมือนตู้เชื่อมอาร์กอน ทั้งยังเชื่อมได้หลากหลายได้แก่ โลหะเหล็ก แสตนเลส และอลูมิเนียม โดยการเชื่อมอลูมิเนียมนั้นต้องเปลี่ยนชนิดลวดเชื่อมเป็นชนิดท่อนำลวด (LINER) ในการเชื่อมแทน

• จุดเด่น •

สามารถเชื่อมได้หลากหลายชนิด เช่น เหล็ก แสตนเลส อลูมิเนียม ทองแดง และเหล็กเหนียว เป็นต้น ทั้งยังสามารถเชื่อมแบบป้อนลวดเติมอัตโนมัติได้และใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง รวดเร็วมากกว่าตู้เชื่อมที่ใช้ธูปเชื่อม ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนธูปเชื่อมบ่อย ๆ สำหรับงานเชื่อมที่เหมาะสมกับการใช้งานของตู้เชื่อมคาร์บอนนั้นควรเป็นงานที่เน้นความต่อเนื่องหรือเน้นงานที่มีคุณภาพสูง เช่น การเชื่อมในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

4. ตู้ตัดพลาสม่า หรือตู้ CUT - การใช้งานของตู้ตัดพลาสม่าต้องประกอบกับปั๊มลม เพื่อใช้ลมช่วยในการตัด ตู้เชื่อมประเภทนี้สามารถตัดชิ้นงานที่เป็นโลหะได้หลายชนิด แต่เวลาตัดจะได้ความหนาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความแข็งและความเหนียวของโลหะชนิดนั้น โลหะที่ได้ความหนามากที่สุดคือ เหล็ก ตามด้วยแสตนเลส และอลูมิเนียม

• จุดเด่น •

มีความสวยงามของแนวตัด การสูญเสียเนื้อชิ้นงานน้อย และสามารถตัดชิ้นงานที่มีความบางได้ดี เนื่องจากการเกิดความร้อนสะสมที่ชิ้นงานมีน้อย ทำให้ชิ้นงานไม่เกิดการบิดงอ หรือเสียรูปทรง และมีความปลอดภัยสูง ตู้เชื่อมประเภทนี้เหมาะสำหรับงานที่เน้นการตัดโลหะ เช่น คาร์บอน อลูมิเนียม แสตนเลส ทองแดง ทองเหลือง หรือนิกเกิล ในส่วนของขนาดปั๊มลมที่ใช้เป็นตัวกลางในการตัดควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับชิ้นงานด้วย