วิธีการเลือกปั๊มน้ำให้ถูกหลักและเหมาะสมกับการใช้งาน

วิธีการเลือกปั๊มน้ำให้ถูกหลักและเหมาะสมกับการใช้งาน

     ปัจจุบันปั๊มน้ำเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานที่ทุกภาคส่วนควรมีติดตั้งไว้ที่ใช้ สามารถพบได้ตามพื้นที่การเกษตร การคมนาคม โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ หรือที่พักอาศัย เช่น บ้าน หากสมาชิกภายในบ้านเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ ความต้องการใช้น้ำและความจำเป็นในการกักเก็บน้ำไว้เพื่อใช้ในการบริโภคและอุปโภคก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังน้ำปั๊มน้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีติดตั้งไว้ใช้เพื่อความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยนั่นเอง แล้วทุกคนทราบกันไหมว่า...ปั๊มน้ำที่ใช้ภายในครัวเรือนมีด้วยกันกี่ประเภท? ลองมาอ่านข้อมูลด้านล่างกัน

     ปั๊มน้ำ หรือ ปั๊ม ที่เรียกกันสั้นๆนั้น มีด้วยกันอยู่ 4 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ปั๊มน้ำอัตโนมัติ 2. ปั๊มน้ำแรงดันคงที่ 3. ปั๊มน้ำหอยโข่งหรือปั๊มน้ำหน้าหมู 4. ปั๊มจุ่ม ปั๊มแช่หรือปั๊มไดโว่
     ปั๊มน้ำแต่ละประเภทข้างต้นจะมีลักษณะการทำงานและความเหมาะสมของการใช้งานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และความต้องการใช้ของแต่ละบ้าน มาดูลักษณะการใช้งานและประโยชน์ของปั๊มน้ำแต่ละประเภทกัน

1. ปั๊มน้ำอัตโนมัติ
     ปั๊มน้ำประเภทนี้สามารถพบได้ทั่วไปตามบ้านที่อยู่อาศัย การทำงานของปั๊มน้ำประเภทนี้จะเป็นแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ หากมีผู้ใช้น้ำจุดหนึ่ง ปั๊มอัตโนมัติจะทำงานส่งน้ำที่มีแรงดันไปตามจุดนั้น เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับน้ำที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และตัวปั๊มน้ำจะหยุดใช้งานเมื่อไม่มีผู้ใดใช้น้ำ เพื่อป้องกันการสิ้นเปลืองของน้ำ วิธีการเลือกปั๊มอัตโนมัติขึ้นอยู่กับขนาดของบ้านที่อยู่อาศัย หรือจำนวนสมาชิกภายในบ้าน2. ปั๊มน้ำแรงดันคงที่
     ปั๊มน้ำชนิดแรงดันคงที่ มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายปั๊มน้ำอัตโนมัติ แต่แรงดันน้ำที่ปล่อยออกมาจะมีความส่ำเสมอ ซึ่งปั๊มน้ำประเภทนี้จะเหมาะกับบ้านที่มีการใช้น้ำหลายจุด หรือบ้านพักที่มีหลายชั้น หรือมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งต้องการการจัดส่งน้ำที่มีแรงดันคงที่ตลอดเวลาการใช้งาน เช่น เครื่องซักผ้า หรือเครื่องทำน้ำอุ่น(น้ำร้อน) ในการจะปล่อยน้ำที่สม่ำเสมอนั้น ระบบการทำงานภายในปั๊มน้ำจะใช้ก๊าซไนโตรเจนอัดในกระบอกกลม เพื่อเพิ่มแรงดัน

3. ปั๊มน้ำหอยโข่ง หรือ ปั๊มน้ำหน้าหมู
     ปั๊มน้ำหอยโข่งเป็นประเภทปั๊มน้ำที่นิยมใช้กันมากที่สุด เหมาะสำหรับการเพิ่มแรงดันในการสูบน้ำหรือดึงน้ำเพื่อทำการกักเก็บหรือส่งออกไปตามระบบท่อน้ำต่างๆในปริมาณมากได้ ประโยชน์ของปั๊มน้ำประเภทนี้คือสามารถส่งน้ำในปริมาณมากไปยังที่ที่มีระยะไกลหรือที่สูงได้ นิยมใช้อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เกษตรกรรม, โรงบำบัดน้ำ, โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ปั๊มน้ำชนิดนี้จะไม่มีระบบอัตโนมัติ แต่สามารถเปิดใช้งานได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน

4. ปั๊มจุ่ม ปั๊มแช่หรือปั๊มไดโว่
    ปั๊มน้ำประเภทนี้นิยมใช้สำหรับสูบน้ำออกหรือระบายน้ำออก เช่น ระบายน้ำท่วมไปยังบ่อพักหรือคลอง บ่อน้ำพุ บ่อรับน้ำ เป็นต้น ปั๊มน้ำประเภทนี้มีอาจกำลังส่งต่ำ แต่สามารถสูบน้ำได้ทีละปริมาณมาก หากต้องการสูบน้ำเร็วสามารถเลือกใช้รุ่นที่มีกำลังวัตต์สูงขึ้น เวลาการใช้งานของปั๊มจุ่มสามราถใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นเวลานานแต่ไม่ควรเกิน 7-8 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะทำให้มอเตอร์และใบพัดของปั๊มร้อนจัดและหยุดการทำงาน จำเป็นต้องถอดใบพัดออกและหมุนกลับเข้าไปใหม่ถึงจะสามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ปั๊มน้ำประเภทนี้มีอยู่ 2 แบบ ได้แก่
     4.1. แบบมีสวิทซ์ลูกลอย พอระดับน้ำลดได้ตามระดับที่ต้องการ ตัวลูกลอยจะจมลงและทำการตัดการทำงานของปั๊ม
     4.2. แบบไม่มีสวิทซ์ลูกลอย ผู้ใช้งานจะต้องสังเกตระดับน้ำ และทำการเปิด-ปิดการทำงานของปั๊มด้วยตัวเอง

การติดตั้งปั๊มน้ำที่ถูกต้อง
     ปัญหาเรื่องการใช้งานปั๊มน้ำนั้น เป็นสิ่งที่หลายคนต้องเคยประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็น ปั๊มน้ำทํางานไม่หยุด ปั๊มน้ำไม่ทํางาน ปั๊มน้ำไม่ตัด ปั๊มน้ำแรงดันไม่คงที่ หรืออีกหลายปัญหาที่ต้องพบเจอ อาจจะเกิดจากการเลือกพื้นที่ในการติดตั้งไม่ถูกต้อง ดังนั้นเราควรจะเลือกพื้นที่ในการติดตั้งปั๊มน้ำให้เหมาะสม ดังนี้
     1. ปั๊มน้ำไม่ควรอยู่ไกลจนเกินไป เพราะจะได้ดูดน้ำ และกระจายน้ำได้ดี
     2. ไม่ควรติดตั้งปั๊มน้ำในที่แจ้ง โดนแดด หรือโดนฝน เพราะอาจจะทำให้ปั๊มเสียหายได้ หากเลี่ยงไม่ได้ควรทำหลังคาให้ตัวปั๊ม
     3. ควรติดตั้งปั๊มให้ห่างกำแพงอย่างน้อย 30 เซนติเมตร เพื่อช่วยระบายความร้อน และสะดวกต่อการซ่อมแซม